มืดแปดด้านคดีฆ่าโหด “ลุงหรรษา” คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอย ส่งตรวจ DNA คนแรกที่พบศพ

คดีฆ่าโหด “ลุงหรรษา” พ่อค้าขวัญใจนักศึกษา คนร้ายไม่ทิ้งร่องรอย ไม่เจอหลักฐานเลย ส่งตรวจดีเอ็นเอแล้ว 2 ราย

(8 มิ.ย. 63) ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความคืบหน้า กรณี นายหรรษา วิบูลย์เพ็ง อายุ 54 ปี ถูกฆาตกรรมนอนเสียชีวิตภายในกระท่อมสวนเกษตรพอเพียง บ้านโคกปันโรข้างโรงงานตาข่ายโฟมห่อดอกกุหลาบ โฟมห่อกุหลาบ หมู่ที่ 9 ต.ตรำดม อ.ลำดวน จ.สุรินทร์ สภาพศพ ถูกของมีคมฟันเป็นแผลเหวอะหวะขนาดใหญ่ ที่บริเวณศีรษะ ท้ายทอย ขมับ ใบหน้าและลำคอถูกเชือดจนหลอดลมขาด รวมแผลทั้งหมด 8 แห่ง เลือดอาบทั่วร่าง ไหลนองพื้น อีกทั้งคนร้ายยังนำศพมาจัดให้อยู่ในท่านอนเหมือนคนนอนหลับตามปกติ

ล่าสุด (8 มิ.ย. 63) ทางครอบครัวและญาติพี่น้องได้ทำพีฌาปนกิจศพผู้ตายในช่วงสายที่วัดบ้านโคกปันโร ด้วยบรรยากาศที่ศร้าสลดแม้ตำรวจยังไม่สามารถจับกุมคนร้ายได้ก็ตาม ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านที่เกิดเหตุอีกครั้ง พบญาติพี่น้องและเพื่อนบ้านที่มาร่วมงานศพยังคงพากันนั่งจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์และสาปแช่งฆาตกรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่นักประดาน้ำ จากหน่วยกู้ชีพ ต.ตระแสง และหน่วยกู้ภัยสุรินทร์ ซึ่งได้รับการประสานจากตำรวจ สภ.ลำดวน ให้ช่วยงมหาหลักฐาน ที่เชื่อว่าคนร้ายอาจจะนำไปทิ้งตามแหล่งน้ำในบริเวณรัศมีใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ทั้งหมู่ที่ 1 และหมู่ที่ 9 จำนวน 4 แห่งแล้ว แต่ก็ยังไม่พบหลักฐานใดๆ ขณะที่พิสูจน์หลักฐานสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่เก็บรวบรวมรอยนิ้วมือแฝงและสารคัดหลั่งต่างๆ ในกระท่อมที่เกิดเหตุเพื่อนำไปตรวจหาดีเอ็นเอ ที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 นครราชสีมา 

ด้าน พ.ต.ท.ดำรงค์ เจริญศิริ รอง.ผกก.สอบสวน สภ.ลำดวน เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า ตำรวจยังไม่ได้ตั้งประเด็นถึงสาเหตุการณ์ฆาตกรรม เนื่องจากอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวน ซึ่งได้มีการเรียกพยานแวดล้อมมาสอบปากคำแล้ว 4-5 ปาก ก็ยังไม่มีความคืบหน้ามากนัก

พยานที่พบเห็นศพผู้ตายเป็นคนแรก ซึ่งเป็นอดีตครู วัย 60 ปี ที่สนิทสนมกับครอบครัวผู้ตาย และอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กอีกหลังในพื้นที่เดียวกันกับบ้านของผู้ตาย ซึ่งให้การในเบื้องต้นว่า คืนวันที่เกิดเหตุ ช่วงค่ำ ผู้ตาย ภรรยาผู้ตาย ลูกสาวผู้ตาย และอดีตครู ได้นั่งทานอาหารเย็นร่วมกัน ก่อนที่จะแยกย้ายกัน โดยผู้ตายออกไปนอนที่กระท่อมที่เกิดเหตุ ส่วนอดีตครูมานั่งดูทีวีอยู่กับภรรยาและลูกของผู้ตายอยู่ในบ้าน ก่อนที่จะแยกย้ายกันเข้านอน และตื่นออกไปดูสวนในช่วงเวลาประมาณตี 3 ถึงตี 4 ของทุกวันเป็นปกติ

แต่ระหว่างนั้นก็เห็นว่าผู้ตายนอนอยู่ในกระท่อมที่เกิดเหตุอีกหลัง ไม่คิดว่าจะถูกฆาตกรรมแล้ว จึงเรียกชื่อ แต่ก็ไม่ได้มีเสียงตอบรับกลับมา จนเวลาผ่านไปสักระยะก็ได้เรียกอีก จึงแปลกใจเดินไปดูก็ถึงกับผงะและตกใจอย่างมาก ก่อนที่จะวิ่งไปเรียกให้ภรรยาและลูกสาวของผู้ตายมาดูและแจ้งให้ จนท.ตำรวจทราบ ซึ่งอดีตครูรายนี้ก็ให้การอย่างไม่มีพิรุธใดๆ จึงได้ให้กลับบ้าน แต่อดีตครูรายนี้ก่อนจะกลับ ซึ่งมีญาติมารับก็ได้ถามตนว่าจะกลับไปที่งานศพดีหรือไม่หรือจะกลับบ้านตนเองดี ซึ่งอดีตครูจึงตัดสินใจกลับบ้านไปกับญาติก่อน เพราะเกรงว่าจะมีชาวบ้านเข้าใจผิด และอาจถูกทำร้ายก็เป็นได้

กระท่อมที่พบศพ

อย่างไรก็ตาม จนท.ตำรวจได้นำสารคัดหลั่งจากตัวครูส่งตรวจดีเอ็นอีเปรียบเทียบที่ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 นครราชสีมา พร้อมกับสารคัดหลั่งของหนุ่มในหมู่บ้าน ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงที่เกิดเหตุอีกคน ที่พบว่าหายตัวไปในช่วงวันเกิดเหตุ และถูกตามตัวพบ ก่อนนำมาสอบปากคำ ก็ไม่พบพิรุธเช่นกัน อย่างไรก็ตามก็ต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอ และการลงพื้นที่หาข่าวของ จนท.ตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนจาก สนง.ตำรวจภูธร จ.สุรินทร์ และ สภ.ลำดวนอีกครั้ง และคาดว่าจะได้ตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฏหมายในเร็วๆ นี้ เพราะชาวบ้านต่างอยู่กันอย่างหวาดผวา

นางแย้ม อายุ 63 ปี ญาติของผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายนิสัยดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ขายก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่อาชีวศึกษาสุรินทร์ แต่ช่วงโควิดก็กลับมาพักทำสวนที่บ้าน ญาติพี่น้องต่างเสียใจ 4 วันแล้วคดียังไม่คืบหน้า อยากฝากให้ จนท.ตำรวจเร่งจับกุมคนร้ายโดยเร็ว ญาติพี่น้องชาวบ้านต่างหวาดผวา เกิดมายังไม่เคยเจอเหตุการณ์โหดเหี้ยมแบบนี้ เคยเจอแต่ในทีวี ไม่คิดว่าจะมาเกิดขึ้นกับญาติพี่น้องของเรา โดนฟันหัวหลายแผล ถ้าคนร้ายสำนึกผิดก็ให้กลับมามอบตัว ตำรวจก็พยายามหาหลักฐานทุกซอกทุกมุมก็ไม่เจออะไรสักอย่าง

นายจำนงค์ วิบูลย์เพ็ง ผู้ใหญ่บ้านโคกปันโร และเป็นพี่ชายของผู้ตาย กล่าวว่า เวลาประมาณตีสาม 57 นาที มีญาติโทรศัพท์ไปแจ้งตนเองว่า น้องชายถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว ตนมองว่า คนที่ฆ่าลงมืออย่างใจเย็น มีการจัดวางศพให้นอนขาเหยียดตรง มือสองข้างวางที่หน้าอก นอนหงายเสียชีวิต แผลแต่ละแผลมีความยาว 12-13 ซม. ทั่วบริเวณศีรษะและใบหน้า รวม 8 แผล เหมือนโกรธแค้น ไตร่ตรอง และจงใจวางแผนมาฆ่าโดยเฉพาะ ที่ลำคอ ปาดจนลูกกระเดือดขาดจนถึงกระดูกด้านใน น่าจะเตรียมการไว้นาน เหมือนคนที่ชอบดูหนังฝรั่ง ดูวิธีฆ่า มีการอำพราง ทรัพย์สินก็ไม่มีหาย และไม่ทิ้งร่อยรอยใดๆไว้ ทางตำรวจเองก็ทำหน้าที่เต็มที่ ทำงานทั้งกลางวันกลางคืนอย่างไม่หยุด ซึ่งกู้ภัยก็พยายามงมหาหลักฐานการฆ่าต่างๆ ตามสระน้ำ ซึ่งตนคิดว่าน่าจะใช้ขวานในการสังหาร 

ส่วนน้องชายของตน ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่ เขาเป็นคนอ้อนแอ้น ชอบแต่งตัวและค้าขาย เป็นคนพูดน้อย เรียบง่าย ส่วนหนุ่มต้องสงสัยที่หายไป ก็หาตัวพบแล้ว เจ้าหน้าที่ก็สอบปากคำอยู่ ซึ่งก็ได้แต่ภาวนาให้จับคนร้ายได้โดยเร็ว