จ่าสิบเอก บุกโรงพยาบาลเมืองขอนแก่น ตามง้อขอคืนดีภรรยาไม่สำเร็จ ชักปืนยิงสลดหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหัวใจ ก่อนตัดสินใจปลิดชีพตาม
วันที่ 9 มิ.ย.2565 พ.ต.อ.ปรีชา เก่งสาริกิจ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น เปิดเผยว่า เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ใช้อาวุธปืนยิงกันภายในหอผู้ป่วยอายุรกรรมโรคหัวใจ ชั้น 4 ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งใกล้ร้าน ถุงแถบกาว ถุงแพ็คเสื้อ ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
ที่เกิดเหตุพบ น.ส.นภาพร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 34 ปี สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่ศีรษะอาการสาหัส เจ้าหน้าที่เร่งให้ความช่วยเหลือ แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.อ.อรรคพงษ์ (ขอสงวนนามสกุล) ใช้ปืนยิงเข้าที่ศีรษะบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา ทั้งนี้ พบปืนพกสั้น รีวอลเวอร์ ขนาด 4 นิ้ว บรรจุ 6 นัด และหัวกระสุน 1 ลูก ตกอยู่พบปลอกกระสุนที่ใช้ยิงแล้วในโม่ปืน 4 ปลอก และลูกกระสุนที่ยังไม่ได้ยิงอีก 2 นัด
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวว่า ผู้ก่อเหตุคือ จ.ส.อ.อัคพน เป็นทหารอยู่ที่ค่ายแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ได้ใช้ปืนลูกโม่ ขนาด.38 ยิงนางนภาพร อดีตภรรยาซึ่งเป็นพยาบาลประจำที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่น กระสุนเข้าที่ศีรษะ 1 นัด กลางหน้าอก 1 นัด ชายโครงขวา 1 นัด ภรรยาเสียชีวิต จากนั้นผู้ก่อเหตุก็เดินห่างออกมาจากจุดที่ยิงอดีตภรรยา แล้วใช้อาวุธปืนกระบอกเดียวกันปลิดชีพตัวเอง
พ.ต.อ.ปรีชา กล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุพยาบาลที่เป็นเพื่อนกับอดีตภรรยาได้แจ้งญาติให้ทราบ ญาติพี่น้องจึงมาดูที่เกิดเหตุ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิดของผู้ตายทั้งสองคน ทราบว่า ทหารกับอดีตภรรยาอยู่กินกันจนมีลูก 2 คน อายุ 3 ขวบ และ 7 ขวบ ต่างคนต่างก็ทำมาหากิน กระทั่งเมื่อประมาณต้นปีพยาบาลได้ไปอบรมหลักสูตรเฉพาะทางที่ จ.เชียงใหม่ เป็นเวลา 4 เดือน และก็กลับมาทำงานที่โรงพยาบาลที่เกิดเหตุตามเดิม
สอบสวนทราบอีกว่า หลังจากพยาบาลกลับมาทำงานที่โรงพยาบาล ทั้งคู่ก็มีปัญหาทะเลาะกันบ่อยขึ้น จนถึงขั้นยิงปืนขู่กันที่บ้านพัก ญาติพี่น้องก็รับรู้ปัญหามาตลอด สุดท้ายทั้งสองคนก็หย่าขาดจากกัน แต่ฝ่ายชายยังพยายามติดตามขอคืนดีกับพยาบาลมาโดยตลอด กระทั่งถือปืนเข้ามาในโรงพยาบาล เดินตามหาอดีตภรรยาที่เข้าเวรและกำลังทำงานอยู่ในห้องพิเศษ เมื่อพบตัวก็เข้าไปหาใช้ปืนยิงอดีตภรรยา 3 นัดดังกล่าว
สำหรับมูลเหตุของการก่อเหตุ จากการสอบสวนญาติ ต่างก็ยืนยันว่า เกิดจากทหารหึงหวงภรรยาตัวเองพยายามขอคืนดี แต่พยาบาลไม่ยอมคืนดีด้วย จึงมาก่อเหตุดังกล่าวขึ้น ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้สอบสวนญาติและคนใกล้ชิด เพื่อทราบรายละเอียดที่เกี่ยวข้องให้ชัดเจนมากขึ้น จากนั้นจะได้มอบศพให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป